ข่าวสารและบทความ

ประกันรถยนต์ : ล้างรถวิธีไหน? ได้รถสะอาดเหมือนใหม่ไม่ง้อร้านล้างรถ

ประกันรถยนต์ : ล้างรถวิธีไหน? ได้รถสะอาดเหมือนใหม่ไม่ง้อร้านล้างรถ

เมื่อ กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศให้ประเทศไทย เข้าสู่ “ฤดูฝน” อย่างเป็นทางการยาวไปจนถึงเดือนตุลาคม 2565 (เช็ก! เดือนไหนฝนตกเยอะที่สุด) และมีฝนตกต่อเนื่องตลอดทุกวัน การนำรถยนต์ไปใช้บริการที่คาร์แคร์หรือร้านล้างรถ (เคล็ดลับการหาร้านล้างรถอย่างมืออาชีพ ) ก็อาจทำให้ต้องหงุดหงิดที่ต้องจ่ายเงินค่าล้างรถใหม่อีกครั้ง เมื่อต้องออกมาเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป จนต้องตัดสินใจลงมือล้างรถด้วยตัวเอง มีเทคนิควิธีการอย่างไร สินมั่นคง ประกันรถยนต์ มีข้อมูลมาฝากค่ะ 


เตรียมพร้อมก่อนล้างรถ

ควรนำรถไปจอดในที่ร่ม ไม่ควรล้างรถกลางแดด เพราะการล้างรถกลางแจ้ง จะทำให้ผิวรถยนต์ร้อนและแห้งเร็วเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถ ทำให้ล้างทำความสะอาดยากขึ้นและเสียเวลา ( รู้ไหมก่อนล้างรถคันโปรดเอง มีข้อห้ามอย่างไรบ้าง )

 

เตรียมอุปกรณ์ล้างรถให้พร้อม


    • ใช้ถังน้ำ 2 ใบ สำหรับใส่น้ำยาล้างรถ และสำหรับซักผ้าหรือล้างฟองน้ำ
    • ฟองน้ำ หรือ ผ้าล้างรถ ควรเตรียมไว้สัก 2 ผืน สำหรับล้างผิวรถยนต์กับสำหรับล้างล้อรถยนต์
    • แปรงพลาสติกสำหรับขัด ถ้ายางรถยนต์สกปรกมาก ๆ ให้ใช้แปรงพลาสติกขัดทำความสะอาดได้
    • ผ้าไมโครไฟเบอร์ ควรเตรียมไว้สักประมาณ 3 ผืน สำหรับใช้เช็ดแต่ละส่วน แยกผ้าเช็ดผิวรถ ไม่ให้ปนกับผ้าเช็ดล้อรถ เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยขนแมวที่ผิวรถยนต์ได้
    • ผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำเปล่าในปริมาณที่พอเหมาะ และเตรียมถังน้ำเปล่าสำหรับล้างฟองน้ำให้พร้อม

 

 

 

ขั้นตอนการล้างรถยนต์


    1. ฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรกก่อน การฉีดน้ำก็เพื่อทำการขจัดคราบสกปรก ซึ่งจะช่วยให้ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวรถยนต์ อ่อนตัวลง โดยฉีดน้ำทั้งคันไล่จากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ


    2. ล้างส่วนล้อรถยนต์ก่อน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าควรเริ่มล้างที่ตัวรถ แต่ล้อรถมักเป็นส่วนที่สกปรกที่สุด จึงควรล้างส่วนล้อรถยนต์ให้สะอาดเสียก่อน เพื่อสิ่งสกปรกออกจากล้อจะได้ไม่กระเด็นไปโดนส่วนผิวรถที่ทำความสะอาดแล้ว ที่สำคัญหากล้างล้อรถยนต์เป็นลำดับสุดท้าย ขณะที่กำลังล้างล้อรถยนต์ จะทำให้ผิวรถแห้ง และทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถได้


    3. เริ่มล้างรถจากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ ก่อนเริ่มขัดผิวรถ ให้แช่ผ้าหรือฟองน้ำล้างรถในน้ำยาที่ผสมไว้แล้วก่อน แล้วค่อยนำมาขัดทำความสะอาดผิว ไม่ควรออกแรงขัดมากเกินไป เพราะจะทำให้รถยนต์เกิดรอยขีดข่วนหรือทำให้สีรถยนต์เสียหายได้


    4. ล้างสิ่งสกปรกออกจากฟองน้ำ หรือผ้าที่ใช้ขณะล้างรถบ่อย ๆ ผ้าล้างรถไมโครไฟเบอร์ เป็นที่นิยมมากกว่าฟองน้ำ เนื่องจากโอกาสที่จะเกิดรอยขีดข่วน หรือรอยขนแมวบนรถยนต์ ได้น้อยกว่า เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเศษฝุ่นเม็ดทรายเล็ก ๆ ติดอยู่ตามตามรูพรุนของฟองน้ำได้ แต่ถ้าใช้ฟองน้ำ ก็ควรล้างทำความสะอาดฟองน้ำบ่อย ๆ


    5. หลังจากล้างน้ำยาแต่ละส่วนเสร็จ ให้ฉีดน้ำล้างน้ำยาล้างรถออกให้หมด ไม่ควรปล่อยให้น้ำยาล้างรถแห้งเองบนผิวรถ เพราะถ้าปล่อยให้แห้งเองจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถ ควรทำแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อล้างเสร็จทั้งคันแล้ว ให้ล้างน้ำเปล่าซ้ำอีกครั้ง


    6. ควรให้รถเปียกทั้งคันขณะล้างรถ ขณะที่ล้างควรให้ผิวรถยนต์ทั้งคันเปียกน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำบนผิวรถ


    7. ล้างช่วงล่างเป็นลำดับสุดท้าย และใช้ ฟองน้ำ หรือ ผ้าล้างรถยนต์ แยกกันต่างหาก ไม่ใช้ปนกัน


    8. เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ควรใช้ผ้าหลายผืนในการเช็ดรถ จะช่วยลดโอกาสที่ผิวรถจะเกิดรอยขีดข่วนได้
 

    9. เช็ดทุกผิวรถให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและการเกิดคราบน้ำ เช็ดผิวโดยไล่จากด้านบนหลังคารถยนต์ลงมาด้านล่างรถยนต์ และเช็ดล้อเป็นลำดับสุดท้าย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการล้างรถ


ช่วยดูแลรถคุณทุกความเสี่ยงบนท้องถนน ประกันรถยนต์ตามโปรไฟล์ "การันตีถูกจริง" ประกันรถยนต์ชั้น 1 ..โปรไฟล์ยิ่งดี ความเสี่ยงยิ่งต่ำ เบี้ยยิ่งถูก.. โปรไฟล์คุณอาจดีกว่าที่คุณคิด เบี้ยเริ่มต้น 6,999 บาท และยังถูกลงได้อีก หากเลือกแบบมีดีดัก และระบุชื่อผู้ขับขี่ (ลดสูงสุดเหลือเพียง 3,999 บาท)
สนใจรายละเอียด คลิก www.smk.co.th/productmotordetail/20 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance