ข่าวสารและบทความ

ประกันรถยนต์ : เคล็ดลับขับรถประหยัดน้ำมัน ในวันที่น้ำมันราคาแพง

ประกันรถยนต์ : เคล็ดลับขับรถประหยัดน้ำมัน ในวันที่น้ำมันราคาแพง

 

แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเริ่มมีแนวโน้มลดลงแต่ประเทศไทยก็ยังจำเป็นจะต้องตรึงราคาน้ำมันไว้ เพื่อนำเงินส่วนเกินไปอุดหนุนกองทุนน้ำมันที่ขาดทุนจากการนำไปอุ้มราคาน้ำมันดีเซล ( ทำไมราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง แล้วของไทยไม่ลดลง )  ทำให้ราคาน้ำมันยังไม่สามารถลดลงไปต่ำกว่าที่ควรจะเป็นได้ จึงเกิดกระแสโปรโมตอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันออกมามากมาย แต่กลับไม่มีงานวิจัยยืนยันผลของอุปกรณ์ที่ชัดเจน ( นวัตกรรมลวงโลก สายรัดประหยัดน้ำมัน ) ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต้องออกมาให้ข้อมูลเรื่องแนวทางการประหยัดน้ำมันที่ถูกวิธี เพราะนอกจากจะช่วยลดรายจ่ายเรื่องการเดินทางแล้ว ยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ให้เกิดการใช้ทรัพย์กรธรรมชาติแบบสิ้นเปลืองอีกด้วย ( น้ำมันแพงเพราะอะไร? เปิดสาเหตุน้ำมันแพง 2565 ) สินมั่นคง ประกันรถยนต์ มีวิธีขับรถที่จะช่วยประหยัดน้ำมัน มาแนะนำดังนี้ค่ะ

 

 

 1. เลือกรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งาน

ควรเลือกรถยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานในชีวิตประจำวันและพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล จะทำให้ได้ทั้งประสิทธิภาพในการขับและประหยัดน้ำมันมากขึ้น


  2. ไม่จำเป็นต้องสตาร์ตรถทิ้งไว้เพื่ออุ่นเครื่องยนต์ 

การติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 2 นาที จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากถึง 40 ซีซี. จึงไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องยนต์ขณะที่รถจอดอยู่กับที่ เพียงแค่ขับรถเคลื่อนออกไปเบาๆ 1-2 กิโลเมตร เครื่องยนต์จะอุ่นเองโดยไม่จำเป็นต้องสตาร์ตทิ้งไว้ และหลังไฟเตือนต่าง ๆ บนหน้าปัดดับลงแล้ว ก็สามารถเคลื่อนรถออกไปได้อย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เร่งเครื่องยนต์ทีละน้อยโดยไม่ใช้รอบสูง จะทำให้เครื่องยนต์อุ่นตัวได้เร็วขึ้น        

                                          
    3. ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน 

การเหยียบเบรกกะทันหันหรือบ่อยเกินความจำเป็น จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันสูงถึง 40% และยังส่งผลเสียต่อตัวเครื่องยนต์อีกด้วย เบรกมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะทุกครั้งที่เหยียบเบรก ความเร็วจะลด หากต้องการไปต่อก็จำเป็นจะต้องเพิ่มความเร็วหรือเร่งเครื่องขึ้น จึงควรประเมินสถานการณ์ข้างหน้าก่อนเหยียบเบรกทุกครั้ง 


    4. หลีกเลี่ยงการเร่งคันเร่งทันที หรือ การเร่งเครื่องยนต์บ่อยๆ

การเร่งเครื่องยนต์ขณะเกียร์ว่าง 10 ครั้งจะส่งผลให้รถสิ้นเปลืองน้ำมัน 100 ซีซี. การย่ำคันเร่ง หรือการเหยียบคันเร่งแล้วปล่อย จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก และพบว่าการเร่งเครื่องยนต์กะทันหันและการเบรกอย่างรุนแรง จะเพิ่มอัตราการบริโภคน้ำมันถึง 40 เปอร์เซ็นต์  และเพิ่มปริมาณการปล่อยสารพิษถึง 5 เท่า


    5. ขับรถด้วยความเร็วคงที่ ไม่ช้าเกินไปหรือเร็วมากเกิน 

การรักษาความเร็วให้คงที่และไม่เกินป้ายจำกัดความเร็ว หรือใช้ความเร็วที่สม่ำเสมอ 60 - 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายบนท้องถนน ซึ่งการขับรถที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้รถกินน้ำมันน้อยลงถึง 10–15 เปอร์เซ็นต์

 

    6. หลีกเลี่ยงการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนในช่วงเวลาฝนตก เนื่องจากสภาพการจราจรมักติดขัดมากกว่าปกติในช่วงฝนตก 


    7. ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ในช่วงที่มีอากาศเย็น ซึ่งหากปิดแอร์ในรถเป็นเวลา 30 นาที ก็จะสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง  10-15 %


    8. วางแผนเส้นทางเสมอก่อนการเดินทาง 

การวางแผนเส้นทางการเดินทางด้วยระบบแผนที่นำทาง (Navigation System) เช่น Google Map เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเวลาขับรถระยะทางไกล การมีระบบนำทางที่วางใจได้เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยให้ไปถึงที่หมายได้ โดยไม่ขับรถออกนอกเส้นทางหรือหลงทาง


    9. ตรวจเช็กความดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ

ยางที่มีลมอ่อนเกินไป ทำให้ผู้ขับขี่บังคับรถได้ยากขึ้น รถยนต์กินน้ำมันมากขึ้น และยางมีอายุการใช้งานสั้นลง การเติมแรงดันลมยางที่เหมาะสมจะช่วยลดความต้านทานการหมุนของล้อ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า ในขณะเดียวกันหากลมยางแข็งเกินไป รถอาจเกาะถนนไม่ดี และยางก็อาจมีอายุการใช้งานสั้นด้วยเช่นกัน


    10. ตรวจเช็กเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ 

เช่น ปริมาณน้ำยาทำความเย็น ความสกปรกของคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และไส้กรอง  เพื่อให้ระบบทำงานมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะกับสภาพอากาศ ซึ่งหากปรับอุณหภูมิต่ำจนเกินไป อาจทำให้คอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนักมากขึ้น เป็นภาระให้เครื่องยนต์ ส่งผลต่ออัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นไปด้วย


    11. ดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ

เครื่องยนต์ที่มีปัญหา นอกจากจะส่งผลให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานสั้นลงแล้ว ก็อาจจะเป็นผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้นด้วย  ควรหมั่นนำรถไปตรวจเช็กสภาพที่ศูนย์บริการที่ไว้วางใจได้อย่างสม่ำเสมอ (ตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง https://www.smk.co.th/newsdetail/149) 


    12. บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น 

เพราะน้ำหนักของตัวรถมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิง หากบรรทุกมากเกินความจำเป็นก็จะทำให้สิ้นเปลืองการใช้พลังงานเชื้อเพลิงไปด้วย โดยน้ำหนักของสิ่งของในรถที่เพิ่มขึ้นทุก 48 กิโลกรัม จะเพิ่มอัตราการกินน้ำมันถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งทำให้รถต้องใช้พละกำลังในการขับเคลื่อนมากขึ้นไปด้วย ก็ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น และควรจัดวางสิ่งของที่จะบรรทุกให้สมดุล ไม่อยู่ด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป 


    13. ดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถคอย  

การติดเครื่องยนต์ขณะจอดรถเป็นเวลา 5 นาที จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันถึง 100 ซีซี. และถ้าติดเครื่องยนต์จอดรอนานกว่านั้นก็อาจจะยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมันยิ่งขึ้นอีก และไม่ควรสตาร์ตรถทิ้งไว้เกินกว่า 30 วินาที


    14. เลือกใช้น้ำมันเครื่องตามที่ระบุในคู่มือรถ 

การเลือกใช้น้ำมันเครื่องตามเกรดที่ผู้ผลิตระบุไว้ในคู่มือจะช่วยให้ระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากใช้น้ำมันผิดเกรดจะทำให้ลดประสิทธิภาพการใช้น้ำมันลงไปถึง 2 เปอร์เซ็นต์ และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและตรวจเช็กเครื่องยนต์ตามระยะทาง การตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำตามคำแนะนำของศูนย์บริการ จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3 - 9% เลยทีเดียว


เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถก็จะช่วยทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานน้ำมันได้เป็นอย่างดี เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ของท่าน จากเหตุการณ์ไม่คาดคิด เลือกประกันตามไมล์2 คืนไมล์ คืนเงิน ประกันชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท ประกันรถยนต์สำหรับคนขับน้อย มีความเสี่ยง พร้อมรับเบี้ยประกันคืนสูงสุดได้ถึง 15%  เมื่อขับได้ตามระยะทางที่ลดลงตามเงื่อนไขที่กำหนด
สนใจรายละเอียด คลิก www.smk.co.th/productmotordetail/2 หรือ Blog: https://smkinsurance.blogspot.com/ โทร.1596 Line : @smkinsurance