ข่าวสารและบทความ

ประกันอัคคีภัย : เลือกถังดับเพลิงอย่างไร? พร้อมวิธีใช้และตรวจสอบคุณภาพถัง

ประกันอัคคีภัย : เลือกถังดับเพลิงอย่างไร? พร้อมวิธีใช้และตรวจสอบคุณภาพถัง

 

เหตุเพลิงไหม้ มักเป็นสิ่งที่หลายคนไม่อยากให้เกิด เพราะนอกจากจะต้องสูญเสียทรัพย์สินไปกับกองเพลิงแล้ว อาจยังจะได้รับบาดเจ็บหรือเป็นภัยต่อชีวิตได้เช่นกัน ( เกิดเหตุเพลิงไหม้ต้องทำอย่างไร...ตั้งสติได้ก่อน ปลอดภัยกว่า  ) หนึ่งในทางป้องกันเหตุเพลิงไหม้ไม่ให้ลุกลามใหญ่โต คือการมีถังดับเพลิงติดบ้านไว้เพื่อความปลอดภัย แล้วควรมีวิธีการเลือกถังดับเพลิง รวมถึงมีวิธีใช้และตรวจสอบคุณภาพถังดับเพลิงอย่างไร สินมั่นคง ประกันภัย มีข้อมูลมาฝากค่ะ

 

 

เลือกถังดับเพลิง ต้องดูประเภทของเพลิงไหม้

ในการเลือกถังดับเพลิงให้เหมาะกับการใช้งานนั้น จำเป็นจะต้องดูลักษณะของการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งโดยปกติแล้วสาเหตุหลักของการเกิดเพลิงไหม้เกิดจาก 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ความร้อน อากาศ และเชื้อเพลิง ซึ่งเชื้อเพลิงเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดประเภทเพลิงแต่ละประเภท โดยสามารถแบ่งประเภทเพลิงออกเป็นทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ 


    1. เพลิงไหม้ประเภท A (Ordinary Combustibles)
เพลิงไหม้ประเภท A มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงธรรมดาที่ติดไฟง่าย หรือของแข็งที่สามารถพบได้ทั่วไปตามอาคาร ที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า เช่น ไม้ ผ้า ขยะ พลาสติก กระดาษ เป็นต้น ซึ่งเพลิงประเภท A สามารถดับได้ง่ายๆ ด้วยน้ำเปล่า


    2. เพลิงไหม้ประเภท B (Flammable Liquids)
เพลิงไหม้ประเภท B มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวหรือก๊าซที่สามารถติดไฟได้  โดยของเหลวที่สามารถติดไฟมักมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าซ สามารถพบได้ตามปั๊มน้ำมันหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น และโรงงานที่ผลิตสีบางชนิด โดยเพลิงประเภท B สามารถดับได้ด้วยการตัดออกซิเจนในอากาศ 


    3. เพลิงไหม้ประเภท C (Electrical Equipment)
เพลิงไหม้ประเภท C มีสาเหตุมาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียน เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลาทำให้เกิดความร้อนสูง หากอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดอาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าจัดวงจรและเกิดเพลิงไหม้ได้ โดยเพลิงไหม้ประเภท C จำเป็นต้องตัดระบบไฟฟ้าก่อนดับเพลิงทุกครั้ง 
 

 

 

  4. เพลิงไหม้ประเภท D (Combustible Metals)
เพลิงไหม้ประเภท D มีสาเหตุมาจากโลหะที่สามารถติดไฟได้ สามารถพบได้ตามห้องปฏิบัติการ ห้องทดลอง และโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานโลหะ เช่น Titanium, Aluminium, Potassium และ Magnesium เป็นต้น โดยเพลิงประเภท D ไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำเปล่า


    5. เพลิงไหม้ประเภท K (Combustible Cooking)
เพลิงไหม้ประเภทนี้มีสาเหตุมาจากน้ำมันที่ใช้ในครัว ไขมันสัตว์ และของเหลวที่ใช้ประกอบอาหาร สามารถพบได้ตามห้องครัว ร้านอาหาร หรือห้องอาหารตามโรงแรม เป็นต้น 

 

เลือกถังดับเพลิงจากคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการดับไฟ

การเลือกถังดับเพลิงยังสามารถดูได้จากประสิทธิภาพในการดับเพลิงของถังดับเพลิง หรือ Fire Rating ซึ่งถูกกำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ที่กำหนดให้ Fire Rating เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อควบคุมคุณภาพของถังดับเพลิงและความปลอดภัยของผู้บริโภค โดย มอก. 332-2537 ได้กำหนดสมรรถนะของถังดับเพลิงไว้เพื่อเปรียบเทียบข้อแตกต่างของประสิทธิภาพในการดับเพลิงเพื่อการเลือกใช้ที่เหมาะสม ดังนี้

    • A คือ ประสิทธิภาพในการดับเพลิงไหม้ประเภท A เช่นไม้ กระดาษ ผ้า พลาสติก เป็นต้น 
    • B คือ ประสิทธิภาพในการดับเพลิงไหม้ประเภท B ที่เป็นของเหลว เช่น น้ำมัน ก๊าซติดไฟ เป็นต้น
    • ตัวเลข 1 2 3 4 ยิ่งตัวเลขมีจำนวนมาก ยิ่งมีประสิทธิภาพในการดับเพลิงจะมากขึ้นตามไปด้วย


 

 

วิธีการใช้งานถังดับเพลิง

วิธีการใช้ถังดับเพลิง โดยหลักการแล้ว เพียงแค่ ดึง ปลด กด และส่าย โดยมีรายละเอียดวิธีใช้ถังดับเพลง ดังนี้

    1. เข้าไปทางเหนือลม โดยเว้นระยะห่างจากเพลิงไหม้ประมาณ 2 – 3 เมตร และดึงสลักออกจากถังดับเพลิง หากไม่สามารถดึงสลักออกได้ ให้ใช้การบิดช่วย 
    2. ปลดสายฉีดของถังดับเพลิงออก และยกหัวฉีดชี้ไปที่ฐานของเพลิง โดยทำมุมประมาณ 45 องศา 
    3. กดคันบีบของถังดับเพลิงเพื่อให้สารเคมีที่บรรจุภายในถังพุ่งออกมา
    4. ส่ายปลายหัวฉีดไปมาที่ฐานเพลิงไหม้ ไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณเปลวเพลิง 
    5. หากเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่ต่างระดับให้ฉีดจากข้างล่างขึ้นข้างบน 
    6. กรณีน้ำมันรั่วไหลให้ฉีดจากปลายทางที่รั่วไปจุดที่รั่วไหล 
    7. กรณีเพลิงไหม้ที่สาเหตุเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ จำเป็นต้องตัดกระแสไฟก่อน 

 

วิธีตรวจเช็กสภาพถังดับเพลิง

การมีถังดับเพลิงไว้ จำเป็นต้องตรวจสภาพทุกๆ 6 เดือน โดยผู้ตรวจสอบจำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับถังดับเพลิงทุกประเภท หรือ ตัวแทนจำหน่ายถังดับเพลิงที่มีความเชี่ยวชาญ โดยวิธีตรวจเช็คสภาพถังดับเพลิง มีดังนี้ 

    1. ตรวจสอบสลักและสายฉีด ตรวจสอบกระดูกงู สลัก โดยกระดูกงู สลัก และฟอยล์สีเงินจำเป็นต้องอยู่ครบ สายฉีดต้องไม่มีรอยแตกร้าว สภาพตัวถังต้องปกติ ไม่บุบ ไม่บวม และไม่ขึ้นสนิม และหัวฉีดต้องไม่อุดตัน หากพบอาการผิดปกติต้องแก้ไขทันที

    2. ตรวจสอบคันบีบและข้อต่อ ต้องไม่คดงอ ไม่ขึ้นสนิม หากพบว่าคันบีบ หรือ ข้อต่อของถังดับเพลิงผิดปกติจำเป็นต้องแก้ไข หรือส่งให้ตัวแทนจำหน่ายซ่อม

    3. ตรวจสอบสภาพถังดับเพลิง ต้องไม่มีรอยบุบ ไม่แตกร้าว สติกเกอร์บนถังดับเพลิงต้องไม่ฉีดขาด หรือจาง รายละเอียดข้อมูลต้องครบถ้วน 

    4. ตรวจสอบมาตรวัดหรือชั่งน้ำหนักถัง โดยสังเกตจากเข็มต้องอยู่ระหว่างแถบสีเขียว กระจกต้องไม่เป็นฝ้า กระจกไม่แตกร้าว ไม่คดงอ หากผิดว่าเกจมาตรวัดผิดปกติ จำเป็นต้องส่งซ่อมกับตัวแทนจำหน่ายทันที 

    5. การตรวจสภาพถังดับเพลิง ต้องลงวันที่ตรวจ ชื่อ หรือลายเซ็น ในช่องผู้ตรวจให้ครบถ้วน และถ้าหากกรณีเกิดการกระทบอย่างรุนแรงกับถังดับเพลิง ควรนำถังดับเพลิงไปตรวจสภาพใหม่อีกครั้ง


อายุการใช้งานของถังดับเพลิง

    • ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง มีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี 

    • ถังดับเพลิงคาร์บอนไดออกไซด์ และถังดับเพลิงน้ำยาเหลวระเหย มีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี 

 


ประกันอัคคีภัย ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัย ทั้งเหตุเพลิงไหม้ ฟ้าผ่า และการระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่าง หรือใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น เช่น แก๊สหุงต้ม (ไม่ใช่เพื่อการค้าหรือเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม) รวมถึงความเสียหายจากน้ำหรือสารเคมีที่ใช้ในการดับเพลิง ความเสียหายอันเกิดจากเจ้าหน้าที่ ดับเพลิง หรือความเสียหายจากควัน เขม่า เกรียม อันเนื่องมาจากการเกิดอัคคีภัย
สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/others/ประกันอัคคีภัย หรือ โทร. 1596 ตลอด 24 ชั่วโมง Line : smkinsurance และสามารถติดตามเนื้อหาสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com