ข่าวสารและบทความ

ประกันรถยนต์ : การป้องกันการชนท้าย

ประกันรถยนต์ : การป้องกันการชนท้าย

การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่าร้อยละ 30 ของอุบัติเหตุเป็นอุบัติเหตุรถชนท้าย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการขับขี่ที่ไม่เว้นระยะห่างให้เหมาะสม ขับชิดกับคันหน้ามากเกินไปจนทำให้ไม่มีระยะการเบรก การเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว เป็นต้น  เราจะมีวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันการชนท้ายได้อย่างไร  สินมั่นคง ประกันรถยนต์ มีคำแนะนำมาบอกกันดังนี้

 

บริเวณที่มักเกิดอุบัติเหตุชนท้าย

1. ทางลาดลงสะพาน
ทั้งสะพานข้ามคลอง สะพานข้ามแยกต่างๆ การชนท้ายจะเกิดขึ้นได้ เพราะสะพานจะบังรถคันหน้าตอนขาขึ้น และทางลงที่เป็นทางลาดทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น ในช่วงขับรถขึ้นสะพาน หลายคนมักเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้น ไม่เบาคันเร่งในขาขึ้น เวลาลงมีรถติดอยู่ข้างหน้า ทำให้เบรกไม่ทัน เนื่องจากมองไม่เห็นรถคันหน้า บวกกับความเร็วจากทางลาดชัน ทำให้ชนรถคันหน้าที่ชะลอหรือจอดติดอยู่ได้  หรือการขับลงสะพานแล้วรถติด หากคันหน้าเบรกฉับพลัน ก็อาจเกิดการชนรถคันหน้าได้
วิธีการป้องกัน
การขับขี่ลงสะพานไม่ควรเร่งส่งหรือขับติดท้ายรถยนต์คันหน้ามากเกินไป แต่ควรจะเว้นระยะมากกว่าปกติ เพราะถ้ามีการเบรกฉุกเฉินเกิดขึ้น อาจทำให้ไม่สามารถหยุดหรือชะลอความเร็วได้ทัน


2. ทางเข้า-ออกซอย หรือทางกลับรถ
การเลี้ยวเข้าซอย หรือขับออกจากซอย กลับรถ ถ้าขับติดขับหน้ามาก รถคันหน้าเลี้ยวกระทันหัน อาจทำให้รถเบรกไม่ทันได้

วิธีการป้องกัน
ก่อนเลี้ยวเข้าซอยหรือกลับรถควรเปิดไฟเลี้ยวก่อนในระยะทางไม่น้อยกว่า 60 เมตร  เพื่อบอกรถคันหลังที่ตามมาจะได้ชะลอความเร็วได้ทัน  และไม่ควรขับติดท้ายรถยนต์คันหน้ามากเกินไป หากมีการเลี้ยวกะทันหันจะได้เบรกทัน


3. บริเวณแยกสัญญาณไฟ
ช่วงเปลี่ยนสัญญาณจากไฟเขียวเป็นไฟเหลือง ต้องระมัดระวังคันรถคันหน้าว่า จะชะลอความเร็ว หรือเร่งความเร็วให้พ้นไฟแดง ถ้าชะลอเพื่อหยุด แล้วเราก็ต้องเผื่อระยะเบรกให้ทัน และต้องระวังรถเปลี่ยนเลนปาดหน้าด้วย 


4. ช่วงฝนตก หรือช่วงกลางคืน
ช่วงทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ไม่ดี การมองเห็นไม่ชัดเจน ควรต้องเผื่อระยะเบรกเพิ่มขึ้น เช่น ช่วงฝนตกถนนอาจจะลื่น ต้องระวังการเบรกที่อาจชนคันหน้าได้


การป้องกันการชนท้าย

1. เว้นระยะให้เหมาะสม การขับจี้ท้ายแบบติดๆ กันหลายคัน เมื่อมีการเบรกกะทันหันเกิดขึ้น ทำให้เกิดการชนท้ายหลายคัน

2. การเปลี่ยนช่องทาง เมื่อต้องการเปลี่ยนเลนควรเปิดใช้สัญญาณไฟเลี้ยวในระยะทางไม่น้อยกว่า 60 เมตร ทั้งนี้เพื่อคันหลังชะลอความเร็ว หรือให้ทางได้

3. มองระยะไกลเพื่อประเมินสถานการณ์รอบด้าน การขับขี่ที่ถูกต้องไม่ควรมองเฉพาะท้ายรถคันหน้า แต่ควรมองไปด้านหน้าไกลๆ เพื่อประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ทำให้เรามีเวลาในการตัดสินใจได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ควรเหลือบมองกระจกข้างและกระจกหลังบ่อยๆ เพื่อให้ทราบว่า รอบคันมีรถมากน้อยเพียงใด

4. การเบรก สำหรับการเบรกชะลอความเร็ว หรือหยุดรถ ก่อนเบรกควรสังเกตรถยนต์คันที่ขับตามมา ไม่ควรเบรกในระยะกระชั้นชิด เนื่องจากอาจจะเบรกไม่ทัน และถูกชนท้าย ไม่ควรเบรกบ่อยๆ โดยไม่จำเป็น เพราะอาจจะถูกรถคันหลังชนท้ายได้

5. ชะลอความเร็วในเขตชุมชนหรือในอาคาร ในบริเวณห้างสรรพสินค้าและเขตชุมชนที่อาจมีคนเดินพลุกพล่าน จึงควรขับช้าๆ ระวังการตัดหน้ารถ ต้องเบรกกระทันหัน คันหลังอาจชนท้ายได้

6. การขับแซงรถคันหน้า
เปิดสัญญาณไฟทุกครั้งก่อนขับแซง ห้ามแซงในเลนด้านซ้าย หรือไหล่ทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืนอาจจะมีรถยนต์คันอื่นจอดเสียอยู่ไหล่ทางได้

7. บริเวณทางแยกไฟแดง
การขับขี่รถยนต์ข้ามสี่แยกไฟแดงต้องปฏิบัติตามไฟสัญญาณจราจรอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่จอดติดไฟแดงเป็นคันแรกโดยไม่มีคันอื่นมาต่อท้ายให้เหยียบเบรกค้าง เพื่อใช้สัญญาณไฟเบรกเตือนคันอื่นว่ามีรถจอดอยู่

8. ลงสะพานอย่างระมัดระวัง
เมื่อขับขี่ลงสะพานไม่ควรเร่งส่งหรือขับจี้ท้ายคันหน้ามากเกินไป แต่ควรจะเว้นระยะมากกว่าปกติ เพราะถ้ามีการเบรกฉุกเฉินเกิดขึ้น อาจทำให้คุณไม่สามารถหยุดหรือชะลอความเร็วได้ทันเพราะตัวรถจะมีแรงส่งจากการลงสะพาน

9. การบรรทุกสิ่งของ
การบรรทุกสิ่งของวัตถุนั้นๆ ต้องยื่นไม่เกินจากตัวรถด้านหลัง 2.50 เมตร สำหรับช่วงเวลากลางวันให้ผูกสัญลักษณ์ธงแดง (รูปสีเหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 30 ซม. ยาว 45 ซม.) ส่วนช่วงเวลากลางคืนให้ติดสัญญาณไฟแสงสีแดงที่มีระยะการมองเห็นไม่น้อยกว่า 150 เมตร

10. การขับขี่ช่วงการจราจรติดขัด
ขณะขับขี่รถยนต์บนถนนที่มีสภาพจราจรติดขัดควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ในกรณีรถหยุดนิ่งควรเลื่อนเกียร์ไป ยังตำแหน่ง P หรือ N พร้อมกับดึงเบรกมือ ไม่ควรให้เกียร์อยู่ในตำแหน่ง D เพราะผู้ขับขี่อาจจะเผลอปล่อยเท้าจากเบรกทำให้ไปชนกับรถคันหน้าได้

11. การจอดรถ
ก่อนจอดรถควรเปิดใช้สัญญาณไฟในระยะไม่น้อยกว่า 30 เมตร อีกทั้งห้ามจอดบริเวณสะพาน อุโมงค์ ทางร่วม ทางแยก ทางเข้าออกอาคาร หรือถนนที่มีไหล่ทางแคบ เป็นคอขวด ขณะขับขี่ออกจากซอยหรือเลี้ยวซ้าย-ขวา เรามักหันไปมองทางฝั่งตรงข้ามจนไม่ได้มองทิศทางที่เรามุ่งไปซึ่งจะทำให้เราชนท้ายคันหน้าได้ ดังนั้นจึงควรเพิ่มความระมัดระวังและควรแน่ใจว่ารถคันหน้าของเราขับออกไปแล้ว ขณะเดียวกันเราควรจอดนิ่งสนิทเพื่อรอให้รถว่างก่อนแล้วค่อยออกตัว เพื่อป้องกันไม่ให้คันหลังไหลมาชนท้าย

 

บนถนนเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย  ระมัดระวังดีแค่ไหน ก็ยังเกิดอุบัติเหตุได้ เพิ่มความคุ้มครองให้รถ ก่อนเกิดเหตุไม่คาดคิด ด้วยประกันภัยรถยนต์ สามารถเลือกความคุ้มครองได้ตามความต้องการ สินมั่นคง ประกันรถยนต์  มีความคุ้มครองให้เลือกหลากหลาย สามารถเช็คเบี้ยประกันได้ก่อนล่วงหน้า แค่คลิก www.smk.co.th/premotor.aspx หรือ โทร. 1596  สินมั่นคงประกันภัย..ประกันรถ ประกันเวลา..

Photo source: pexels.com