ข่าวสารและบทความ

ประกันรถยนต์ : แก้ไขรีโมทรถยนต์ใช้งานไม่ได้

ประกันรถยนต์ : แก้ไขรีโมทรถยนต์ใช้งานไม่ได้

ปัจจุบันการเปิด-ปิดประตูรถยนต์หรือสตาร์ทเครื่องยนต์ในรถยนต์เกือบทุกรุ่น ต้องใช้รีโมทรถยนต์เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวก แต่ถ้าวันหนึ่งรีโมทรถยนต์เกิดไม่ทำงาน ไม่สามารถเปิด-ปิดประตูรถได้ หรือเปิดได้แต่สตาร์ทรถไม่ติด เราจะมีวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร สินมั่นคง ประกันรถยนต์ มีคำตอบมาแนะนำกัน


1. กดรีโมทแล้วไม่ทำงาน ใช้งานไม่ได้

กดเเล้วไม่มีเสียงสัญญาณตอบรับ ไฟเลี้ยวไม่กะพริบ และสตาร์ทรถไม่ติด 
สาเหตุ อาจมาจากปัญหาของแบตเตอรี่รถยนต์หมด 
วิธีแก้ไข  เช็คแบตเตอรี่รถยนต์หรือหาสายพ่วงแบตเตอรี่กับรถอีกคันเพื่อสตาร์ท


2. เวลากดไม่เสียงเสียงสัญญาณตอบรับ

ไฟเลี้ยวไม่กะพริบ แต่มีเสียงระบบกันขโมยดังขึ้น และสตาร์ทรถไม่ติด 
สาเหตุ มาจากรีโมทรถยนต์ เสียหรือถ่านหมด 
วิธีแก้ไข ลองเปลี่ยนถ่านรีโมทและยกเลิกสัญญาณกันขโมยโดยบิดกุญแจรถไปที่สวิตช์ ON แล้วกดสวิตช์รีเซ็ตค้าง จนกว่าสัญญาณจะหยุดร้อง

3. กดรีโมทรถยนต์ มีเสียงสัญญาณตอบรับ ไฟเลี้ยวกะพริบ แต่สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด 

สาเหตุ มาจากระบบสตาร์ทของเครื่องยนต์มีปัญหา 
วิธีแก้ไข ควรตรวจเช็คระบบสตาร์ทเครื่องยนต์


4. กดรีโมทมีเสียงสัญญาณตอบรับ ไฟเลี้ยวกะพริบ แต่ประตูไม่ปลดล็อค

สาเหตุ มาจากมอเตอร์ระบบเปิดปิดประตูเสีย 
วิธีแก้ไข ควรเข้าศูนย์เช็คระบบประตูรถยนต์


5. กดรีโมทล็อครถ สัญญาณกันขโมยดัง ปิดประตูรถไม่สนิท

สาเหตุ  เกิดจากปิดประตูรถไม่สนิท
วิธีแก้ไข ง่ายๆ ด้วยการตรวจเช็คว่าประตูรถบานไหนปิดไม่สนิท


6. กดรีโมทล็อครถ สัญญาณกันขโมยดัง ไฟเบรกค้าง

สาเหตุ สวิตซ์ไฟเบรกมีปัญหา
วิธีแก้ไข ซ่อมหรือเปลี่ยน สวิตซ์ไฟเบรก


7. กดรีโมทล็อครถ ขณะเดียวกันมีรถวิ่งผ่าน เกิดสัญญาณกันขโมยดัง

วิธีแก้ไข ให้ล็อคแบบเงียบ สัญญาณจะไม่ร้องแต่สัญญาณกันขโมยจะทำงานปกติ และค่อยปรับตั้งตัว ช็อคเซ็นเซอร์ โดยหมุนปุ่มที่อยู่บนตัวช็อคเซ็นเซอร์ ให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา

 

8. กดรีโมทเปิดรถไม่ได้ เนื่องจากบริเวณที่จอดรถอาจมีสัญญาณรบกวน

วิธีแก้ไข หากลองกดล็อคหลายครั้งแล้วยังไม่ได้ ให้ไขเข้าไปแล้วบิดกุญแจให้ไฟหน้าปัดโชว์ แล้วกดปุ่มปิดสัญญาณ


9. กรณีเป็นรีโมท Smart Key หากใช้งานไปแล้วแบตเตอรี่หมด

วิธีแก้ไข ในตัวของกุญแจ Smart Key จะมีกุญแจดอกเล็กเสียบซ่อนอยู่ข้างๆ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยสังเกต กุญแจดอกเล็กนี้จะทำหน้าที่เพื่อให้ผู้ใช้รถไขประตูเข้าไปในรถได้ พอเข้ารถได้แล้วจึงสตาร์ทรถ โดยเพียงแค่นำตัวกุญแจ Smart Key เข้าไปทาบใกล้กับปุ่ม Push Start จากนั้นก็เหยียบแป้นเบรกค้างไว้ แล้วกดปุ่มเพื่อสตาร์ทได้เลย  ถ้ากุญแจรีโมทยังพอมีกระแสไฟ การวางใกล้ๆ อาจยังพอมีกระแสไฟส่งผ่านให้สามารถสตาร์ทรถได้ แต่หากกระแสไฟน้อยเกินไป ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่ก่อน


10. กรณีกุญแจรีโมตที่เป็นแบบ Keyless

เมื่อแบตเตอรี่ของกุญแจรีโมตเกิดหมดลง จะไม่สามารถเปิดประตูรถได้ รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องด้วย ซึ่งกรณีนี้อาจจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ของกุญแจรีโมตหรือต้องใช้กุญแจรีโมตสำรอง

 

วิธีสังเกตเมื่อรีโมทแบตเตอรี่ใกล้หมด

1. ต้องกดรีโมทย้ำหลายครั้งกว่าจะปลดล็อคประตูรถได้ ควรรีบตรวจเช็คและเปลี่ยนแบตเตอรี่

2. เมื่อกดรีโมทแล้วไม่มีสัญญาณตอบจากรถ ไฟเลี้ยวไม่กระพริบ ควรรีบตรวจเช็คและเปลี่ยนแบตเตอรี่

3. สังเกตสัญลักษณ์เตือนรูปกุญแจที่หน้าปัดรถยนต์ขึ้น เป็นสัญญาณเตือนว่า แบตเตอรี่ของกุญแจรีโมตใกล้หมดแล้ว

 

การดูแลรีโมทรถยนต์

1. ระวังอย่าทำรีโมทตกพื้นบ่อย

2. ระวังอย่าให้โดนน้ำ หรือทิ้งไว้ในที่ชื้น

3. ใส่ซิลิโคนกันกระแทกเพื่อยืดอายุการใช้งานของรีโมท

4. ไม่นำกุญแจอื่นมาแขวนร่วมทำให้หนักเกินไป

5. ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ปีละครั้ง แบตที่หมดอายุอาจจะบวมน้ำยาออกมาไปกัดแผงวงจรทำให้เสียหายได้

6. ตอนเปลี่ยนแบตเตอรี่ควรให้ช่างใช้น้ำยาล้างวงจรด้วย เพื่อทำให้วงจรสะอาดใช้งานได้ดี

7. เมื่อกุญแจรีโมทตกน้ำควรนำแบตเตอรี่ออกทันที แล้วส่งให้ช่างทำการล้างวงจรให้สะอาดไม่ให้เป็นสนิม

8. ถ้ามีกุญแจรีโมท 2 อันควรนำมาสลับกันใช้บ้าง

 

ปัญหาต่าง ๆ ของรถยนต์สามารถป้องกันได้ เพียงหมั่นตรวจสอบดูแล แต่หากเป็นอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง วางใจให้ สินมั่นคง ประกันรถยนต์ ช่วยดูแลด้วยบริการที่สะดวกรวดเร็ว โทร. 1596 หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.smk.co.th/PreMotor.aspx สินมั่นคงประกันภัย ..ประกันรถ ประกันเวลา..

Photo source: freepix.com