ข่าวสารและบทความ

ประกันรถยนต์ : วิธีเช็คอาการคลัตช์หมด

ประกันรถยนต์ :  วิธีเช็คอาการคลัตช์หมด

จะรถยนต์เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ ก็ต้องมีคลัตช์เช่นเดียวกัน รถเกียร์อัตโนมัติเมื่อใช้งานไปถึงระยะเวลาหนึ่งก็จะเจอกับอาการคลัตช์หมด จะมีวิธีสังเกตอาการคลัตช์หมดอย่างไร  สินมั่นคง ประกันรถยนต์ มีข้อมูลมาแนะนำกันดังนี้

 

หากรถเราใช้งานนานกว่า 10 ปี หรือวิ่งมามากกว่า 100,000 กิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นรถเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ ก็ควรตรวจสอบคลัตช์ว่าสภาพยังดีอยู่หรือควรต้องเปลี่ยนแล้ว

คลัตช์ Clutch  มีหน้าที่ในการถ่ายทดกำลังเกียร์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญ ในรถเกียร์อัตโนมัติจะมีแผ่นคลัตช์อยู่ในแต่ละเกียร์ ลักษณะแผ่นจะเป็นวงแหวนแบนๆ รถบางรุ่นจะมีอยู่ประมาณ 5 แผ่นในแต่ละเกียร์ โดยทำหน้าที่ถ่ายทดกำลัง 

 

อาการคลัตช์หมด

-  เวลาเครื่องเย็น เมื่อใส่เกียร์เหยียบคันเร่งแล้วต้องใช้รอบสูงกว่าจะไป แต่เวลาคลัตช์หมดอาการอาจจะไม่ออกทุกเกียร์ อาจจะออกอาการให้เห็นเป็นบางเกียร์

 - เหยียบคันเร่งแล้วรถไม่ไป  ในบางจังหวะนั้นโดยเฉพาะช่วงที่เครื่องเย็น หรือรถจอดไว้นานหลายชั่วโมง เมื่อเข้าเกียร์แล้วกดคันเร่ง รถจะไม่ขยับเคลื่อนที่ต้องรอให้เครื่องร้อน หรือต้องขยับคันเกียร์ไปที่จังหวะเกียร์อื่น เป็นการกระตุ้นให้เกียร์ทำงาน

- เกียร์ไม่เปลี่ยน หรือ เปลี่ยนช้ากว่าเดิม  พอรอบเครื่องยนต์และความเร็วถึงจุดที่โปรแกรมการทำงานของเกียร์ที่กำหนดไว้ ซึ่งตามปกติเกียร์ควรจะเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้น เพื่อลดรอบเครื่องและเพิ่มความเร็ว แต่ถ้าหากคลัตช์เกียร์ลื่น บางทีเกียร์ก็จะไม่ยอมเปลี่ยน หรือ บางทีจะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อลากเกียร์กันยาว หรือเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องสูงกว่าปกติ อาการที่เกียร์เปลี่ยนที่รอบสูงกว่าปกติ นอกจากนี้อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำมันเกียร์ขาดระดับ หรือเสื่อมคุณภาพจากการไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม

- เกียร์หาย หรือเกียร์ทำงานไม่ครบทุกเกียร์  อย่างรถที่ใช้ระบบเดินหน้า 4 จังหวะ เกียร์จะค้างติดอยู่ที่เกียร์ 3 ไม่ค่อยจะยอมเปลี่ยนเป็นเกียร์ 4 หรือหากจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 4 ก็ต้องลากรอบเครื่องยาว ต่างกับเกียร์อัตโนมัติที่ปกติซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 4 ทันทีเมื่อได้จังหวะ

- เกียร์มีอาการกระตุก  และจะกระตุกอย่างแรงชนิดสามารถสัมผัสกันได้อย่างชัดเจน  ตอนเปลี่ยนจังหวะเกียร์ โดยจะมีอาการตั้งแต่เกียร์แรกไปเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังอาจมี เสียงดังตอนเปลี่ยนเกียร์ได้อีกด้วย

- กดคันเร่งแล้ว รอบเครื่องจะพุ่งสูงขึ้นไปเลย ตามความแรงของเครื่องยนต์ในขณะที่ความเร็วของรถหรือเข็มวัดความเร็วจะขยับช้ามาก บางทีก็ไม่ขยับต่อไปอีกแม้จะกดคันเร่งให้รอบเครื่องสูงขึ้นอีก ซึ่งลักษณะนี้จะคล้ายกับรถเกียร์ธรรมดาที่มีอาการคลัตช์หมดหรือที่เรียกว่า “คลัตช์ลื่น” อาการคลัตช์ลื่นอาจเกิดจากผ้าคลัตช์ใกล้หมด หรือใช้น้ำมันคลัตช์ผิดประเภท หรือเกิดจากการไปลุยน้ำท่วมสูงมา ก็จะทำให้คลัตช์ลื่น เร่งไม่ไป แต่รอบเครื่องยนต์ขึ้นตามปกติ


วิธีการใช้คลัตช์ให้ถูกต้อง

-อย่าเลี้ยงคลัตช์ และควรออกตัวรถด้วยเกียร์ 1 เสมอเพื่อลดภาระของชุดคลัตช์ และเมื่อเปลี่ยนเกียร์ควรเหยียบคลัตช์ให้สุด แล้วปล่อยช้า ๆ เมื่อขับขี่รถบนทางลาดชัน อย่าเหยียบคลัตช์แช่ เพราะจะทำให้ผ้าคลัตช์สึกหรอมากกว่าปกติ โดยเฉพาะใครก็ตามที่นิยมขับรถในเขตเมือง การเหยียบคลัตช์แช่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ในรถเกียร์อัตโนมัติควรเปลี่ยนเกียร์จาก D เป็น N เพราะในระบบเกียร์อัตโนมัติ แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ (TORQUE CONVERTER) ก็มีคลัตช์เช่นกัน

-อย่าพักเท้าที่แป้นคลัตช์ เพราะแค่น้ำหนักเท้าก็ส่งผลให้เกิดแรงกดทำให้ผ้าคลัตช์สึกหรอเร็วขึ้น

-อย่าเหยียบคลัตช์โดยไม่จำเป็น  เช่น การเบรกแบบกะทันหัน ไม่ควรเหยียบคลัตช์ก่อนเหยียบเบรก เพราะเมื่อเหยียบคลัตช์ก็เปรียบเสมือนอยู่ในเกียร์ว่างรถจะไม่เกาะถนน เสี่ยงต่อการเสียหลัก-ลื่น-หมุนได้ง่าย และยังเป็นการเพิ่มภาระให้เบรกด้วย

-หลีกเลี่ยงการเข็นเพื่อติดเครื่องในกรณีแบตเตอรี่หมดเพราะจะทำให้สปริงจานคลัตช์และผ้าคลัตช์เสียหายได้

-ไม่ควรเปลี่ยนยางที่มีเส้นรอบวงใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจนมากเกินไป เนื่องจากการอัตราทดของเกียร์และเฟืองท้ายไม่รองรับส่งผลให้ชุดคลัตช์ต้องรับภาระที่หนักและสึกหรอเร็วขึ้น

 

เพิ่มความมั่นใจกับการขับขี่บนท้องถนน ด้วยการทำประกันภัยรถยนต์ที่วางใจ  ให้ สินมั่นคง ประกันภัยรถยนต์ ดูแล สอบถามและเช็คเบี้ยประกันภัยง่ายๆ ที่  www.smk.co.th/premotor.aspx หรือ โทร. 1596  สินมั่นคงประกันภัย..ประกันรถ ประกันเวลา..

ที่มา: sanook.com
Photo source: freepix.com