ข่าวสารและบทความ

ประกันรถยนต์ : ข้อควรระวัง! หลังฝนตกอาจทำลายสีรถไม่รู้ตัว

ประกันรถยนต์ : ข้อควรระวัง! หลังฝนตกอาจทำลายสีรถไม่รู้ตัว

ช่วงหน้าฝน รถของเราอาจต้องเจอกับฝน ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์ลุยฝน หรือจอดรถตากฝน ซึ่งจะส่งผลต่อสีรถยนต์ของเราได้นะคะ  แต่บางคนอาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษารถในช่วงหน้าฝนที่ไม่ถูกต้อง และเป็นสาเหตุให้สีรถยนต์เสียหายได้  สินมั่นคง ประกันรถยนต์ จึงมีข้อควรระวังในการดูแลรถในช่วงหน้าฝนที่ถูกต้อง มาแนะนำกันค่ะ

 

1.  อย่าเช็ดรถทันทีหลังจากขับลุยฝนมาด้วยผ้าแห้งขณะรถเปียกฝน

หลังจากที่ขับรถลุยฝนมาใหม่ๆ หลายคนอาจคิดว่า เป็นการล้างรถไปในตัว เมื่อกลับถึงบ้านอยากให้รถกลับมาแห้งเหมือนเดิมโดยเร็ว จึงใช้ผ้าแห้งเช็ดรถที่เปียกในทันที จะทำให้รถยนต์เป็นรอยได้ เนื่องจากน้ำมีสิ่งสกปรกเกาะตัวอยู่ เช่น ดิน, ทราย, เศษไม้ เป็นต้น เมื่อเราใช้ผ้าเช็ดรถโดยที่ไม่ล้างก่อน จะทำให้เศษสิ่งของที่ติดมากับรถไปขูดตัวรถ และทำให้รถเป็นรอยได้ ทางที่ดีควรล้างรถก่อน หรืออย่างน้อยก็ใช้น้ำแรงดันสูงฉีดสิ่งสกปรกเหล่านั้นให้หลุดออกไปเสียก่อนจึงเช็ดรถ

 

2. ไม่ควรจอดรถกลางแดดจัดขณะเปียกฝน

หลายคนคิดว่า หลังจากรถเปียกฝน การจอดตากแดดจะช่วยให้รถแห้งเร็วขึ้น แต่ความจริงแล้วคราบน้ำฝนเหล่านั้นกลายเป็นรอยฝังแน่น ส่งผลต่อชั้นสีรถได้  ทำให้ล้างออกยากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราไม่ควรจอดรถไว้กลางแดดทันทีหากเลี่ยงได้ 

 

3. ไม่ล้างรถเลย

หลายคนคิดว่า หน้าฝนไม่จำเป็นต้องล้างรถ เพราะเดี๋ยวฝนก็ตกอยู่ดี เป็นความคิดที่ผิด เพราะการล้างรถจะช่วยป้องกันคราบฝังแน่นที่เกิดบนผิวรถ ซึ่งอาจทำให้สีรถเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะคราบมูลนกที่ทำให้เกิดรอยด่าง ซึ่งจะไหลย้อยไปตามจุดต่างๆ เมื่อโดนฝน ดังนั้นจึง ควรล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าฝนก็ตาม

 

4. รถสีถลอกปล่อยทิ้งไว้ไม่ต้องรีบทำสี

หากผิวรถมีรอยถลอกให้เห็นเหล็กด้านใน ควรรีบทำสีทันที เพราะคราบน้ำจะไปสะสมที่เนื้อเหล็กโดยตรง หากใช้ไปนานๆ อาจทำให้สีบริเวณนั้นปูด และลอกออกเป็นแผ่นๆ  ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสนิมได้ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์ หรือทำสีทันที 

 

5. ปล่อยรถทิ้งไว้ ไม่ล้างรถ

หลังจากขับลุยฝนมา  จะมีเม็ดฝนเกาะติดมากับรถ เมื่อเม็ดฝนนี้ระเหยแห้งไป จะทำให้เกิดเป็นคราบน้ำที่ผิวรถ และคราบน้ำนี้จะยิ่งติดแน่น ย่อมส่งผลให้การทำความสะอาดคราบน้ำออกจากผิวรถทำได้ยากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นไปได้ควรล้างรถทันที เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำและเศษฝุ่นแห้งติดรถ ซึ่งจะทำให้สีรถเสื่อมสภาพได้ หลังจากล้างรถเสร็จแล้ว ถ้าต้องจอดกลางแจ้งควรใช้ผ้าคลุมรถแบบกันแดดและน้ำด้วย เวลาที่ฝนตกจะได้ไม่ต้องเสียเวลาล้างรถอีกรอบ แต่ไม่ควรล้างรถตอนเย็นๆ หรือค่ำๆ  เพราะจะทำให้น้ำแห้งช้า และชิ้นส่วนรถเกิดสนิมได้ 

 

6. ไม่ตรวจเช็ครถเลย

หลังลุยฝนควรตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์ โดยเฉพาะตัวกรองอากาศ ที่จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในฤดูฝน เพราะตัวกรองอากาศต้องกรองอากาศและเศษต่างๆ ที่มาพร้อมกับน้ำฝน จึงทำให้มีอายุการใช้งานที่สั้นลง ดังนั้น ควรตรวจสอบตัวกรองอากาศทันทีหลังจากขับลุยน้ำท่วมมา และควรตรวจสอบน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเครื่องด้วยว่า มีน้ำเข้าไปผสมหรือไม่ เพราะอาจเกิดการรั่วซึม และทำให้เกิดความเสียหายแก่เครื่องยนต์ได้ ถ้าพบความผิดปกติ ควรนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที

 

เป็นวิธีการดูแลรถยนต์หลังฝนตกง่ายๆ ที่นำมาฝากกันค่ะ จะได้ช่วยยืดอายุสีรถของเราให้นานขึ้น นอกจากช่วงหน้าฝนต้องดูแลรักษารถเป็นพิเศษแล้ว ยังต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้นด้วย เพราะฝนที่ตกอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้
เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ ด้วยประกันรถยนต์ที่จะช่วยคุ้มครองรถและคุณ จากเหตุไม่คาดคิด  ให้สินมั่นคงประกันภัยช่วยดูแล 
สามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ง่ายๆ ได้ที่ www.smk.co.th/premotor.aspx หรือ โทร. 1596  
สินมั่นคงประกันภัย..ประกันรถ ประกันเวลา..

ที่มา: sanook.com
Photo source: pexels.com, freepix.com